ทูตอิสราเอล นำคณะเข้าพบ ผวจ.สุราษฎร์ธานี หารือ เรื่องนักท่องเที่ยว

หมวดหมู่ : สุราษฎร์ธานี, ทั่วไป,

อ่าน : 148
ทูตอิสราเอล นำคณะเข้าพบ ผวจ.สุราษฎร์ธานี หารือ เรื่องนักท่องเที่ยว

สุราษฎร์ธานี-เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย เข้าพบ ผวจ.สุราษฎร์ธานี หารือถึงสถานการณ์นักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลในพื้นที่ ด้าน ผวจ.สุราษฎร์ธานี ยืนยันพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เพื่อเสริมสร้างเศรษฐกิจ แต่หากมีการกระทำผิดกฎหมายไทย ก็ต้องดำเนินการอย่างไม่เลือกปฏิบัติ 

        เมื่อตอนสายวันที่ 4 พ.ย. 2568 นายธีรุตม์ ศุภวิบูลย์ผล ผวจ.สุราษฎร์ธานี ได้ให้การต้อนรับ ดร. อโลนา ฟิชเชอร์ คัมม์ เอกอัครราชทูตอิสราเอล ประจำประเทศไทย และนายเอลี่ เอลิยาฮู สเมห์ อัครราชทูตพร้อมกงสุลอิสราเอล เข้าพบที่ห้องศรีสุราษฎร์  ศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี มีการหารือถึงสถานการณ์นักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี โดยมี หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งอยู่ในคณะทำงานชุดเฉพาะกิจเพื่อป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดกรณีบุคคลต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อประกอบกิจการหรือดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ที่ผิดกฎหมาย เข้าร่วมหารือด้วย

         ดร.อโลนา ฟิชเชอร์ คัมม์ กล่าวว่า แต่ละปีมีนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอล กว่า 460,000 คน เดินทางมาเยือนประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่เกาะท่องเที่ยวต่างๆ  เหตุผลหลักคือชื่นชอบ และประทับใจการต้อนรับของคนไทย รวมถึงรู้สึกปลอดภัย การเข้าพบครั้งนี้เพื่อหารือถึงแนวทางแก้ปัญหาร่วมกัน หลังมีข่าวที่นำเสนอผ่านสื่อ ถึงการจับตามองและตรวจสอบนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอล จากเจ้าหน้าที่รัฐของไทย ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เกิดความไม่สบายใจกับนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอล พร้อมกันนี้ ดร.โลนา กล่าวยืนยันว่านักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวที่ดี ตั้งใจมาท่องเที่ยวเพราะชื่นชอบประเทศไทย จะมีเพียงส่วนน้อยที่ทำพฤติกรรมไม่เหมาะสม หรือทำผิดกฎหมาย และยินดีให้หน่วยงานของไทยดำเนินการตามกฎหมายเช่นเดียวกับชาวต่างชาติทุกประเทศ 

         ด้าน นายธีรุตม์ ผวจ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า หน่วยงานของรัฐ ถูกตั้งคำถามมากมาย ถึงการดำเนินการกับชาวต่างชาติที่แฝงตัวเป็นนักท่องเที่ยวเข้ามาทำเรื่องผิดกฎหมาย ทั้งด้านความมั่นคง การอยู่อาศัยในราชอาณาจักรเกินระยะเวลาที่อนุญาต การทำงานหรือการประกอบธุรกิจอย่างผิดกฎหมาย และปัญหายาเสพติด โดยเฉพาะพฤติกรรมการต่ออายุวีซ่าต่อเนื่องหลายครั้ง หรือระยะยาว จนต้องสงสัยว่ามีวัตถุประสงค์เพื่อทำธุรกิจหรือทำกิจการบางอย่าง ซึ่งจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยคณะทำงานชุดเฉพาะกิจที่ตั้งขึ้นเพื่อตรวจสอบและดำเนินการกับเรื่องนี้ ไม่ได้เลือกปฏิบัติ หรือมุ่งเป้ากับชาวอิสราเอล หรือนักท่องเที่ยวจากประเทศใดประเทศหนึ่ง และย้ำว่าจังหวัดสุราษฎร์ธานี มุ่งเน้นการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมการท่องเที่ยว จึงได้กำชับเจ้าหน้าที่ ให้บังคับใช้กฎหมายด้วยความระมัดระวัง ไม่ให้กระทบต่อนักท่องเที่ยวในภาพรวม 

          การหารือร่วมกัน นายธีรุตม์ ได้ขอความร่วมมือจากคณะเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทยในการตรวจสอบศาสนสถาน ชาบัด โดยระบุว่า ปัญหาการร้องเรียนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอล มีจุดเริ่มต้นมาจากการรวมตัวกันเพื่อประกอบศาสนกิจในชาบัดในพื้นที่เกาะท่องเที่ยว ที่กระทำในลักษณะพื้นที่ปิด ไม่อนุญาตให้คนภายนอก หรือเจ้าหน้าที่ของไทยเข้าไปสังเกตการณ์หรือรับรู้ว่าทำกิจกรรมอะไร ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่เกิดวามกังวลใจ ตลอดจนมีความยากลำบากของเจ้าหน้าที่ในการเฝ้าระวังเรื่องความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวเอง จึงขอให้สถานเอกอัครราชทูต ตรวจสอบเรื่องการจดทะเบียนขออนุญาตจัดตั้งศาสนสถานเพื่อประกอบศาสนกิจให้เป็นไปตามกฎหมายไทย เช่นเดียวกันทุกๆศาสนา 

          นายธีรุตม์ กล่าวยืนยันว่าจังหวัดสุราษฎร์ธานี ไม่ได้เลือกปฏิบัติเฉพาะกับชาวอิสราเอล สุราษฎร์ธานี เป็นเมืองท่องเที่ยว และรายได้ส่วนหนึ่งมาจากการท่องเที่ยว จึลพร้อมให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกชาติจากทั่วโลกอย่างอบอุ่นและปลอดภัย  แต่หากพบกลุ่มที่กระทำผิดกฎหมาย ก็จำเป็นต้องดำเนินการอย่างเท่าเทียมกันไม่ว่าจะเป็นชนชาติใดก็ตาม.