ศาลสั่งจำคุกผู้ต้องหาทุจริตเงินสหกรณ์ครูพัทลุงและให้ชดใช้เงิน-โทษจำคุกรอลงอาญา

หมวดหมู่ : พัทลุง, ทั่วไป,

อ่าน : 260
ศาลสั่งจำคุกผู้ต้องหาทุจริตเงินสหกรณ์ครูพัทลุงและให้ชดใช้เงิน-โทษจำคุกรอลงอาญา

พัทลุง-ศาลพัทลุงสั่งจำคุกกลุ่มผู้ต้องหาทุจริตเงินสหกรณ์ครูพัทลุง พร้อมปรับเงิน และให้ชดใช้ความเสียหาย ส่วนโทษจำคุกให้รอลงอาญา  3  ปี

           ผู้สื่อข่าว  จ.พัทลุง  รายงานว่า  จากกรณีการตรวจพบการทุจริตในสหกรณ์ออมทรัพย์ครูพัทลุง จำกัด ในระหว่างปี  พ.ศ. 2553-2560  โดยเห็นได้อย่างชัดเจนจากการจ่ายเงินปันผล เฉลี่ยคืน ทางสหกรณ์ฯจึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบเหตุดังกล่าว  1  ชุด  และพบว่ามีการทุจริตจริง  สหกรณ์ฯจึงให้พักงาน จนท.ระดับสูง 3  ราย และให้รับสภาพหนี้  แต่ จนท.ระดับสูง และ จนท.รวม  7  คน ยืนยันว่าพวกตนไม่ได้กระทำความผิด ทางสหกรณ์ฯจึงเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทลุง  พร้อมมีคำสั่งให้ปลดออก  ไล่ออก  กลุ่มผู้ต้องหาทั้ง  7  ราย ต่อมา  จนท. ระดับสูง 3  ราย ไปยื่นฟ้องศาลแรงงาน จ.สงขลา ว่าเป็นการเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม ทางด้านสหกรณ์ฯได้ต่อสู้คดีและฟ้องแย้ง  รวมทั้งเรียกค่าเสียหายในมูลละเมิดที่ทำให้สหกรณ์ฯได้รับความเสียหาย  โดยทางศาลแรงงานฯได้มีคำพิพากษาให้สหกรณ์ฯเป็นผู้ชนะคดีในคดีแพ่ง

         ส่วนของความผิดในคดีอาญานั้น  ทางสหกรณ์ฯได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทลุง  และมีการสอบสวนในช่วงปี พ.ศ.2561-2566  ซึ่งทางพนักงานสอบสวนได้สั่งฟ้องกลุ่มผู้ต้องหาต่ออัยการจังหวัดพัทลุง และทางอัยการฯได้สั่งฟ้องกลุ่มผู้ต้องหาในปี พ.ศ.2567  ในข้อหาความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ทำลายแก้ไข  เปลี่ยนแปลงข้อมูล และยักยอกทรัพย์  ทางด้านศาลจังหวัดพัทลุงได้ดำเนินการไกล่เกลี่ยเพื่อการคุ้มครองสิทธิ์ และศาลจังหวัดฯได้มีคำพิพากษาเพื่อแก้ปัญหาและรักษาผลประโยชน์แก่สหกรณ์ฯ โดยจำเลยทั้ง  7  คน ได้รับสารภาพอันเป็นประโยชน์ในการพิจารณาคดีของศาล  ศาลจังหวัดฯจึงพิพากษาลงโทษตามความผิดตามคำฟ้องของพนักงานอัยการ  โดยให้ลงโทษจำคุกและปรับผู้ต้องหา  โทษจำคุกให้รอลงอาญา 3  ปี  และปรับฐานความผิด  6-7  กระทงๆละ  20,000  บาท  เพื่อเปิดโอกาสให้จำเลยทั้ง  7  คน ได้กลับตัวเป็นพลเมืองดีสักครั้ง โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษ

         ทางด้านสหกรณ์ฯนั้นให้กลุ่มผู้เสียหายได้ชดเชยค่าเสียหายคืนแก่สหกรณ์ฯ  และชดใช้หนี้ตามสัญญาเงินกู้ที่มีอยู่เดิมตั้งแต่คนละ 1 – 4  ล้านบาท  ประมาณเกือบ  10  ล้านบาท  และให้มีการเพิ่มการประกันตัวทรัพย์สินและตัวบุคคล  เพื่อเป็นประกันในการชำระหนี้ในส่วนดังกล่าว ส่วนหนี้สินที่มีกับสหกรณ์ฯกลุ่มผู้ต้องหาก็จะต้องชดใช้ค่าเสียหาย  และดำเนินคดีพร้อมยึดทรัพย์ไปบางส่วนแล้ว  ในขณะนี้อยู่ในระหว่างการขายทอดตลาด ข่าวคืบหน้าจะเสนอให้ทราบต่อไป.