สงขลาติวเข้มซ้อมแผนบริหารจัดการภาวะวิกฤต แก้ปัญหามลพิษทางน้ำ
หมวดหมู่ : สงขลา, ทั่วไป,
โฟสเมื่อ : 22 เม.ย. 2568, 20:33 น. อ่าน : 159
สงขลา-สงขลาจัดฝึกอบรมซ้อมแผนการบริหารจัดการในภาวะวิกฤตและการแก้ไขปัญหามลพิษทางน้ำ เนื่องมาจากน้ำมันและเคมีภัณฑ์ เสริมสร้างศักยภาพหน่วยงาน พร้อมรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินอย่างมีประสิทธิภาพ
เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2568 เวลา 13.30 น นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสงขลา เป็นประธานในพิธีเปิดการฝึกอบรมซ้อมแผนการบริหารจัดการในภาวะวิกฤตและการแก้ไขปัญหามลพิษทางน้ำเนื่องมาจากน้ำมันและเคมีภัณฑ์จังหวัดสงขลา โดยมีผู้บริหารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง อาทิ ผู้อำนวยการสำนักงานศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 2 หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสงขลา หัวหน้าส่วนราชการ ผู้แทนจากบริษัทเอกชน และผู้เข้ารับการฝึกอบรมจากหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งในระดับจังหวัดและท้องถิ่น โดยเฉพาะหน่วยงานในพื้นที่ที่มีแนวชายฝั่งทะเล โดยมีกลุ่มเป้าหมายรวมทั้งสิ้น 60 หน่วยงาน และมีผู้เข้ารับการฝึกอบรมจำนวนกว่า 200 คน ที่โรงแรมบีพี สมิหลา บีช อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา
การฝึกอบรมในครั้งนี้ จัดขึ้นภายใต้ข้อสั่งการของผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา/ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสงขลา เพื่อให้ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสงขลา ร่วมกับสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสงขลา ดำเนินโครงการฝึกอบรมด้านการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทะเลและการขจัดคราบน้ำมันที่ชายฝั่ง โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อเสริมสร้างความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่ชายฝั่งทะเลของจังหวัดสงขลา ทั้งยังมุ่งเน้นการส่งเสริมความร่วมมือและการประสานงานระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน สมาคม และอาสาสมัครทุกภาคส่วน ให้มีความรู้ความเข้าใจในระบบบัญชาการเหตุการณ์ การสั่งการ และการควบคุมการปฏิบัติงานในสถานการณ์วิกฤต โดยเน้นการฝึกอบรมที่ผสมผสานทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติอย่างเข้มข้น เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมมีทักษะที่สามารถนำไปใช้ได้จริง
สำหรับรูปแบบการฝึกอบรมประกอบด้วยการเรียนรู้ภาคทฤษฎี ซึ่งให้ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับชนิดและลักษณะของน้ำมันและเคมีภัณฑ์ ผลกระทบจากการรั่วไหล เครื่องมือและเทคนิคในการขจัดคราบน้ำมัน ตลอดจนการบริหารจัดการตามระบบบัญชาการเหตุการณ์ พร้อมด้วยกิจกรรม Table Top Exercise หรือการจำลองสถานการณ์ผ่านโต๊ะประชุม เพื่อฝึกการตัดสินใจและการสั่งการในภาวะฉุกเฉิน โดยได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญจากสมาคมอนุรักษ์สภาพแวดล้อมในกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมัน สำหรับภาคปฏิบัติจะจัดขึ้นในวันที่ 23 เมษายน 2568 ณ บริเวณชายหาดชลาทัศน์ โดยจำลองเหตุการณ์ต่อเนื่องจากในทะเลมาถึงชายฝั่ง ซึ่งจะเป็นการฝึกซ้อมร่วมกับกองทัพเรือภาคที่ 2 ที่จะนำกำลังพลและยุทโธปกรณ์ทางเรือเข้าร่วมการฝึก เพื่อให้การจำลองสถานการณ์มีความสมจริง ผู้เข้าร่วมการฝึกจะได้มีโอกาสฝึกปฏิบัติจริงในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยและขจัดคราบน้ำมันก่อนที่จะขึ้นฝั่ง
นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา กล่าวว่า โครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อให้หน่วยงานต่าง ๆ ได้รับการฝึกอบรมและฝึกซ้อมในสถานการณ์ที่เสมือนจริง ทั้งในภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ เพื่อเพิ่มพูนประสบการณ์ ความเข้าใจในขั้นตอนการปฏิบัติงาน และการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพในภาวะฉุกเฉิน ซึ่งจะช่วยลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้ในวงกว้าง โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ล่วงหน้า โดยบูรณาการร่วมกับผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 2 โดย พลเรือโท นเรศ วงศ์ตระกูล ที่ได้วางแผนในการจัดกำลังพลและยุทโธปกรณ์สำหรับการฝึก
ทั้งนี้ความคาดหวังจากการฝึกซ้อมไม่ใช่เพียงแค่การได้ความรู้ด้านการปฏิบัติงานเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ได้อย่างรวดเร็ว ประสานงานระหว่างหน่วยงานทางบก ทางทะเล และทางอากาศ โดยเป้าหมายสูงสุดคือการดูแลพื้นที่ทะเลฝั่งอ่าวไทย ซึ่งครอบคลุมพื้นที่กว่า 200,000 ตารางกิโลเมตร ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และสามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพในทุกมิติ
นอกจากนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ยังกล่าวถึงสถานการณ์ด้านความปลอดภัยในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา โดยระบุว่า จังหวัดสงขลาได้ออกมาตรการเข้มข้นในการลดอุบัติเหตุ ซึ่งผลปฏิบัติงานถือว่าน่าพอใจ โดยมีผู้เสียชีวิตเพียง 3 ราย ลดลงกว่าร้อยละ 60 เมื่อเทียบกับที่ผ่านมา พร้อมกล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยที่ร่วมแรงร่วมใจปฏิบัติงานด้วยความเข้มแข็ง สุดท้ายนี้ยังเน้นย้ำถึงความจำเป็นของการบูรณาการทำงานอย่างต่อเนื่องใน 4 ด้านหลัก ได้แก่ ถนน รถ สิ่งแวดล้อม และคน โดยความร่วมมือของ 32 หน่วยงานราชการในจังหวัด และ 141 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนมาตรการด้านความปลอดภัย และการรับมือภัยพิบัติในทุกมิติอย่างเป็นรูปธรรม.