สสส.ชี้ บุหรี่ไฟฟ้ามีสารพิษ เสพติด อันตราย!

หมวดหมู่ : ทั่วไป, กรุงเทพฯ,

อ่าน : 3,745
สสส.ชี้ บุหรี่ไฟฟ้ามีสารพิษ เสพติด อันตราย!

               พิษภัยจาก “บุหรี่ทุกชนิด” เป็น “อันตราย” ต่อสุขภาพ

    ควันบุหรี่ เต็มไปด้วยสารเคมีอันตรายต่างๆ  มากถึง 7,000 ชนิด สารพิษอีกมากกว่า 250 ชนิด และสารก่อมะเร็งอีกมากกว่า 70 ชนิด โดยเฉพาะ “นิโคติน” ซึ่งจัดเป็นสารเสพติดส่งผลกระทบต่อสุขภาพ สรุปสั้นๆ คือ “การสูบบุหรี่ 1 มวน จะทำให้อายุสั้นลงถึง 7 นาที”

    ด้วยเพราะอันตรายล้นมวน และประชากรรู้เท่าทันจนคนสูบบุหรี่มวนลดลงเรื่อยๆ ทำให้อุตสาหกรรมยาสูบ เดินกลยุทธ์ดึงนักสูบหน้าใหม่เพื่อให้อุตสาหกรรมยาสูบเดินหน้าไปต่อได้ ด้วยการออกผลิตภัณฑ์ใหม่อย่าง “บุหรี่ไฟฟ้า” และพยายามล่อหลอกด้วย คำโกหก ว่า อันตรายน้อยกว่า โดยอ้างอิงข้อมูลจากงานวิจัยในระยะแรกเพียง 158 ชิ้น ในช่วงปี 2555-2556 ขณะที่ปัจจุบัน ข้อมูลจากจาก Physicians for a Smokefree Canada เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2565 พบว่ามีงานวิจัยกว่า 10,369 ชิ้น ที่ยืนยันหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ พิสูจน์ได้อย่างชัดเจนแล้วว่า “บุหรี่ไฟฟ้าทำความเสียหายต่อระบบหายใจ และระบบไหลเวียนของเลือด ไม่มีประสิทธิภาพช่วยให้เลิกบุหรี่ในการใช้ตามปกติ” และยังทำให้เยาวชนที่สูบบุหรี่ไฟฟ้ามีแนวโน้มที่จะหันมาสูบบุหรี่ธรรมดา โดยในบางประเทศพบเยาวชนติดนิโคตินเพิ่มขึ้นด้วย

    การรณรงค์เพื่อไม่ให้เกิดนักสูบหน้าใหม่ และลดนักสูบลงจึงเป็นสิ่งที่ยังต้องเดินหน้าเพื่อหยุดผลกระทบจากการสูบบุหรี่ และบุหรี่ไฟฟ้า

    วันรณรงค์งดสูบบุหรี่โลก ปีนี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศว่า We need food, not tobacco - Growing sustainable food crop instead of tobacco” ที่แปลความหมายได้ว่า “เราต้องการอาหารไม่ใช่ยาสูบ เพื่อส่งสัญญาณว่า การปลูกพืชอาหารที่ยั่งยืนแทนการปลูกยาสูบ”

    ไร่ยาสูบ สร้างความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมในทุกทาง ทำให้เกิดการตัดไม้ทำลายป่า ทำให้ดิน น้ำ และอากาศเสื่อมโทรม ในแต่ละปีพื้นที่ประมาณ 1.25 ล้านไร่ทั่วโลก ถูกแผ้วถางเพื่อการเพาะปลูกและบ่มใบยาสูบ  กระบวนการผลิตยาสูบยังทำให้เกิดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เกือบ 84 ล้านเมตริกตัน/ปี เทียบเท่ากับการปล่อยจรวดสู่อวกาศ 280,000 ลำ

    ส่วนเกษตรกรไร่ยาสูบ มีความเสี่ยงทางสุขภาพมากกว่าเกษตรกรอื่น พิษของนิโคติน สามารถดูดซึมเข้าสู่ผิวหนังได้โดยง่าย จากนั้นจะแพร่เข้าสู่กระแสเลือดอย่างรวดเร็ว เกษตรกรที่สัมผัสใบยาสูบ และได้รับพิษนิโคติน จะเกิดอาการ เช่น ปวดหัว คลื่นไส้ อาเจียน เหนื่อยอ่อน เป็นตะคริว ท้องเสีย หายใจลำบาก ความดันเลือดชีพจรผิดปกติได้

    การช่วยเหลือเกษตรกรไร่ยาสูบ WHO ได้เรียกร้องไปถึงรัฐบาลประเทศต่างๆ ให้สนับสนุนชาวไร่ให้ปลูกพืชชนิดอื่นทดแทน ให้ความรู้เกษตรกร รวมทั้งสนับสนุนทุนและอุปกรณ์ เพื่อให้ชาวไร่หลุดพ้นจากการปลูกพืชยาสูบและหันไปปลูกพืชทางเลือกที่ยั่งยืน

    สำหรับประเทศไทย วันรณรงค์งดสูบบุหรี่โลกในปีนี้ จะโฟกัสไปที่เรื่อง “บุหรี่ไฟฟ้ามีสารพิษ เสพติด  อันตราย” เพื่อบอกให้คนไทยตระหนักว่าปัญหานี้เป็นเรื่องใหญ่ และจะกลายเป็นอันตรายต่อเด็กและเยาวชน

    เมื่อดูจากสถิติการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทย จากข้อมูลสำนักงานสถิติแห่งชาติปี 2564 พบว่าคนไทยสูบบุหรี่ไฟฟ้า 78,742 คน คิดเป็น 0.14% ของประชากร 15 ปีขึ้นไป

    ที่น่าเป็นห่วงคือ 30% ของคนสูบบุหรี่ไฟฟ้า คือ เด็กและเยาวชน อายุ 15-24 ปี

    หากไม่หยุดตัวเลขนี้ ประเทศไทยอาจจะเหมือนสหรัฐอเมริกา ที่ตั้งแต่ปี 2554-2561 มีอัตราการสูบบุหรี่ไฟฟ้าในเด็กมัธยมถึง 900 เท่าตัว ทำให้ในบางรัฐต้องประกาศห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า โดยมี 32 ประเทศ ที่ห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้าทุกรูปแบบเช่นเดียวกับประเทศไทย

    น.ส.รุ่งอรุณ ลิ้มฬหะภัณ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงหลัก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า  สสส. สนับสนุนการดำเนินงานควบคุมยาสูบตามแผนยุทธศาสตร์การควบคุมยาสูบแห่งชาติ ฉบับที่ 3 โดยกำหนดเป้าหมาย 5 ปีข้างหน้าว่า

    1.อัตราการบริโภคยาสูบของประชากรไทยอายุ 15 ปี ขึ้นไปลดลง

    2.อัตราการบริโภคยาสูบของเยาวชน อายุ 15-19 ปี ลดลง

    3.อัตราการได้รับควันบุหรี่มือสองของประชาชนลดลง 

    4.ความรอบรู้ทางสุขภาพด้านการควบคุมยาสูบของเยาวชนเพิ่มขึ้น

    การป้องกันนักสูบหน้าใหม่ ถือเป็นภารกิจหลักของ สสส. ในการควบคุมการบริโภคยาสูบ ซึ่งพบว่าเด็กและเยาวชนกลายเป็นเป้าหมายหลักของธุรกิจยาสูบ โดยเฉพาะกลุ่มนักเรียนอาชีวะที่มีความเสี่ยงสูงในการเข้าถึงบุหรี่ รวมทั้งจะต้องหาทางช่วยเหลือกลุ่มวัยทำงาน ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีอัตราการสูบบุหรี่สูงที่สุด

    การขับเคลื่อนงานจะเน้นไปที่การป้องกันเด็กเล็ก อายุต่ำกว่า 7 ปี ไม่ให้ได้รับควันบุหรี่ และป้องกันเยาวชนอายุ 7-20 ปี จากบุหรี่ไฟฟ้า ด้วยการให้ความรู้เท่าทัน พิษภัยของบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อเป็นเกราะป้องกันตนเอง โดยจะต้องเข้าไปพัฒนาเครือข่ายเยาวชนอาชีวะในการลดปัจจัยเสี่ยง ทั้งบุหรี่ เหล้า อุบัติเหตุ

    นอกจากนี้ ยังมีแผนเพื่อช่วยเหลือวัยทำงานให้สามารถเลิกบุหรี่ได้ ทำให้เข้าไปสนับสนุนเครือข่ายวิชาชีพแพทย์ในการควบคุมการบริโภคยาสูบในการขยายเครือข่ายคลินิกฟ้าใส ซึ่งเป็นคลินิกให้คำปรึกษาสำหรับผู้ติดบุหรี่และต้องการเลิกบุหรี่ ปัจจุบันมีคลินิกฟ้าใสจำนวน 554 แห่ง         

    สนับสนุนสายเลิกบุหรี่ 1600 ให้บริการเลิกบุหรี่ทางโทรศัพท์ (โทรฟรี ทุกเครือข่าย)

    ผลักดันยาไซทิซิน (Cyticine) ซึ่งเป็นยาช่วยเลิกบุหรี่ที่มีประสิทธิภาพดีและมีความปลอดภัยสูง เข้าสู่บัญชียาหลักแห่งชาติ 

    ฉะนั้น ถึงเวลาตระหนักถึงพิษภัยบุหรี่ไฟฟ้าอย่างจริงจัง

 

    เปิดคำลวงเรื่องบุหรี่ไฟฟ้า

    บุหรี่ไฟฟ้า กลายเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ของอุตสาหกรรมยาสูบ ที่มีความพยายามปั้นแต่งหลักฐานเพื่อบอกให้ผู้บริโภคเชื่อว่า มันปลอดภัย แต่ความจริงคืออะไร?

    ศ.สแตนตัน กลานซ์ ศูนย์วิจัยและควบคุมยาสูบ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยซานฟรานซิสโก ลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา และ ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ได้ค้นคว้าข้อมูลจากแหล่งงานวิจัยที่เชื่อถือได้ทั่วโลกมาตรวจสอบ เพื่อให้เกิดความกระจ่างในความจริงเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า

    5 เรื่องบิดเบือนของบุหรี่ไฟฟ้า

    บุหรี่ไฟฟ้าปลอดภัยกว่า : ข้อเท็จจริง ข้อมูลเรื่องนี้มีสมมติฐานจากรายงานเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าเพียงไม่กี่ชิ้นที่ไม่ได้รับความเชื่อถือ พบว่าเผยแพร่ตั้งแต่ปี 2014 โดยพบปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนในกลุ่มคนที่ทำการศึกษาด้วย แต่หลังจากนั้น กลับมารายงานเพิ่มเติมเกี่ยวกับอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้าว่า ส่งผลกระทบต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด โดยมีความเสี่ยงการเกิดโรคปอด โรคหัวใจ และหลอดเลือด ซึ่ง 2 ใน 3 ของผู้ที่เสียชีวิตจากการสูบบุหรี่ธรรมดา เกิดจากโรคปอด โรคหลอดเลือดและโรคหัวใจ

    สิ่งที่พบ คือ บุหรี่ไฟฟ้า ก็ยังมีสารก่อมะเร็ง โลหะหนัก สารเคมีหลายชนิดที่มีในบุหรี่ธรรมดา และมีสารเคมีอีกหลายชนิดที่บุหรี่ธรรมดาไม่มี และประเด็นเรื่องไอจากบุหรี่ไฟฟ้านั้น มีงานวิจัยที่พบว่า ไอดังกล่าวมีสารเคมี สารก่อมะเร็ง และฝุ่นละอองขนาดเล็กจำนวนมาก ทำให้เกิดอาการทางเดินหายใจได้เช่นเดียวกัน

    บุหรี่ไฟฟ้าทำให้เลิกสูบบุหรี่ได้มากขึ้น : ข้อเท็จจริง ภาพรวมในการสำรวจงานวิจัยต่าง ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ พบว่า บุหรี่ไฟฟ้าไม่ทำให้เลิกสูบบุหรี่ได้มากขึ้น สิ่งที่พบเพิ่มขึ้น คือ บุหรี่ไฟฟ้า ทำให้คนติดบุหรี่ทั้งสองชนิด ก็คือ ติดทั้งบุหรี่มวน และบุหรี่ไฟฟ้า ด้วยเพราะวัตถุประสงค์ในการผลิตบุหรี่ไฟฟ้า คือ ทำให้คนติดบุหรี่ไฟฟ้า จึงให้มีนิโคตินที่สูงกว่าเดิม ทำให้คนยังคงติดบุหรี่ และหากต้องการเลิกบุหรี่ หลักการคือ ต้องทำให้นิโคตินลดลง ไม่ใช่ทำให้นิโคตินเพิ่มขึ้น

    สิ่งที่พบ ไม่มีประเทศใดที่รับรองให้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นผลิตภัณฑ์ช่วยเลิกบุหรี่แม้แต่ประเทศเดียว แถมยังพบว่า ทัศนคติของผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้า คือ เชื่อว่าอันตรายน้อยกว่า ถูกรังเกียจน้อยกว่า ทำให้มีแนวโน้มจะเลิกสูบบุหรี่ได้ยากกว่าบุหรี่ธรรมดา

    บุหรี่ไฟฟ้าไม่ทำให้ติดบุหรี่ธรรมดา : ข้อเท็จจริง งานวิจัยหลายชิ้นสอดคล้องกัน 100% ระบุชัดเจนว่า เด็กที่ไม่เคยสูบบุหรี่มวน เมื่อเริ่มเสพนิโคตินผ่านการสูบบุหรี่ไฟฟ้า มีความโน้มเอียงสูงที่จะพัฒนาไปสูบบุหรี่มวนมากกว่าเด็กที่ไม่ได้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า 2-4 เท่า

    สิ่งที่พบ เด็กและเยาวชนที่ไม่สูบบุหรี่ ถูกดึงให้เข้ามาสู่การสูบบุหรี่ไฟฟ้ามากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยการออกแบบผลิตภัณฑ์ให้ดึงดูด มีการแต่งรส แต่งกลิ่นจำนวนมาก ซึ่งพบงานวิจัยในสหรัฐอเมริกาที่ระบุว่า เด็กมัธยมเริ่มสูบบุหรี่ไฟฟ้า 70% เพราะชอบกลิ่นหอมและรสชาติต่างๆ โดยนักเรียน 85% สูบบุหรี่ไฟฟ้าชนิดแต่งกลิ่น

    บุหรี่ไฟฟ้าทำให้สูบบุหรี่ลดลงลดเสี่ยงเกิดโรค : ข้อเท็จจริง ไม่มีหลักฐานใดสนับสนุนในข้อนี้ ยิ่งไปกว่านั้น การสูบบุหรี่ระดับน้อย ๆ ก็ไม่ทำให้ความเสี่ยงน้อยลง โดยเฉพาะการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด เพราะการสูบบุหรี่วันละไม่กี่มวน ก็มีอันตรายเท่าการสูบบุหรี่วันละ 20 มวน

    สิ่งที่พบ ในบุหรี่ไฟฟ้าเต็มไปด้วยนิโคตินที่ส่งผลต่อหัวใจ  แต่งานวิจัยพบว่า แม้แต่บุหรี่ไฟฟ้าที่อ้างว่าไม่มีนิโคติน ก็ทำให้เกิดการอักเสบของเซลล์เยื่อบุหลอดลม และหลอดเลือดฝอย ผลจากสารปรุงแต่งกลิ่นรส สารละลายที่ทำให้เกิดละอองไอ ซึ่งเป็นสารเคมีแปลกปลอมทางเดินหายใจทั้งสิ้น

    นิโคตินถึงจะเสพติดแต่ไม่ทำให้เสี่ยงโรคอื่น : ข้อเท็จจริง นิโคติน เป็นสารพิษที่มีผลต่อการเจริญพันธุ์ แม้จะไม่ใช่สารก่อมะเร็ง แต่นิโคตินเป็นตัวกระตุ้นการเติบโตของเซลล์มะเร็ง และขัดขวางการตายของเซลล์ปกติ

    สิ่งที่พบ นิโคตินเป็นตัวเสริมให้เกิดการสร้างเส้นเลือดไปหล่อเลี้ยงเนื้องอกให้เติบโตเพิ่มขึ้น ทำให้เนื้อมะเร็งโตเร็วขึ้น อีกทั้งยังทำให้หลอดเลือดแข็งตัว ทำให้อาการโรคปอดและโรคอื่นๆ แย่ลง.