“หมอกุ๊บกิ๊บ”ไม่ลาออกแล้ว ผวจ.ให้กำลังใจและขอให้อยู่ช่วยโควิด-19 ต่อไป

หมวดหมู่ : นครศรีธรรมราช, ทั่วไป,

อ่าน : 2,961
“หมอกุ๊บกิ๊บ”ไม่ลาออกแล้ว ผวจ.ให้กำลังใจและขอให้อยู่ช่วยโควิด-19 ต่อไป

    นครศรีธรรมราช - “หมอกุ๊บกิ๊บ” ยืนยันไม่ลาออกจะสู้กับความจริงเพื่อประชาชนต่อไป หลังได้เล่ารายละเอียดข้อเท็จจริงให้สื่อมวลชนทราบถึงการนำวัคซีนเหลือก้นขวดที่ถูกทิ้งไปฉีดให้พี่สาว และ ผวจ.นครศรีธรรมราช โทรศัพท์ให้กำลังใจและขอให้อยู่ช่วยเหลือสู้ฝ่าวิกฤติโควิด-19 ต่อไป

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (17 ส.ค.2564) พญ.กฤตยาณี พูลเพียร หรือ “หมอกุ๊บกิ๊บ” อายุ 27 ปี แพทย์ประจำ รพ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นแพทย์หญิงที่ตกเป็นข่าวกรณีนำวัคซีนเหลือก้นขวดที่ถูกทิ้งโดยเปล่าประโยชน์มาฉีดให้พี่สาว โดยยังไม่ได้ฉีดให้แม่ จนถูกโลกโซเชี่ยลวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก จนล่าสุดได้ออกมาขอยกมือไหว้พร้อมหลั่งน้ำตาขอโทษประชาชนที่คิดน้อยไปหน่อย ไม่คิดว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและอ่อนไหว ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ถึงตอนนี้มีประชาชนจำนวนมากโทรศัพท์มาให้กำลังใจ รวมทั้งในโลกโซเชี่ยลได้เข้ามาคอมเมนต์ให้กำลังและเข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นมากขึ้น  ทำให้ตนตัดสินใจจะสู้ต่อไปไม่ลาออกอีกแล้ว จะสู้ความจริงเพื่อประชาชนและคนไข้ชาวนบพิตำต่อไป

    “ประกอบกับมีผู้หลักผู้ใหญ่โดยเฉพาะท่านผู้ว่าฯ นครศรีธรรมราช ได้โทรศัพท์มาขอร้องและให้กำลังใจ ขอให้ช่วยสู้กับโควิด-19 ต่อไป หมอจึงไม่ขอลาออกอีกแล้ว จะขอตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ต่อไปให้ดีที่สุด หมอขอเรียกร้องต่อสู้ขอวัคซีนให้กับบุคลากรด่านหน้ามาตลอด วันนี้ถ้าใครได้เห็นคลิปนี้ ไม่ว่ารัฐบาลหรือใครที่มีส่วนเกี่ยวข้องรีบนำวัคซีนมาฉีดให้บุคลากรด่านหน้าเถอะค่ะ ตัวหมอเองไม่อยากฉีดเข็ม 3 อยากเอาเข็มที่ 3 ไปฉีดให้แม่หรือคนที่เรารัก ทุกคนรักแม่รักครอบครัว” หมอกุ๊บกิ๊บ กล่าว

    “หมอกุ๊บกิ๊บ” กล่าวอีกว่า แม้ว่าหลังเกิดเรื่องหมอจะได้รับผลกระทบเยอะมาก ทั้งคนที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นอย่างรุนแรง หยาบคายในข่าวหลายสังกัด และในเฟซบุ๊กส่วนตัวหมอ และในเพจคลินิกหมอที่หน้า ม.วลัยลักษณ์ ซึ่งหมอจะพยายามทำใจและไม่ตอบโต้ใดๆ เพราะได้เรียนชี้แจงรายละเอียดทั้งหมดไปแล้ว อย่างมากเดินไปจนเกิดความเสียหายร้ายแรง จะพิจารณาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

    ด้าน นายไกรศร วิศิษฏ์วงศ์ ผวจ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า ตนเห็นว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพราะหมอรายนี้คิดไม่ละเอียดในเรื่องที่อ่อนไหว และความผิดพลาดไม่น่าจะถึงกับต้องลาออก เพราะบุคลากรทางการแพทย์ไม่ใช่หาได้ง่ายๆ โดยเฉพาะในยามวิกฤติเช่นนี้ จึงโทรศัพท์ไปให้กำลังใจและขอให้เปลี่ยนใจกลับมาต่อสู้ช่วยเหลือประชาชนให้ผ่านพ้นวิกฤติโควิด-19ไปให้ได้ และตนขอให้กำลังใจกับทุกคนทุกฝ่ายที่ทุ่มเทช่วยเหลือกัน รวมทั้งประชาชนที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เชื่อว่าสถานการณ์จะดีขึ้นเรื่อยๆ.